กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สำหรับนักธุรกิจมือใหม่

ในยุคปัจจุบันนี้ อินเตอร์เน็ตมีความสำคัญในชีวิตประจำวันของคนเรามากๆ รวมไปถึงการทำธุรกิจต่างๆอีกด้วย ตัวของผู้ประกอบการธุรกิจ หรือแบรนด์ จึงจำเป็นจะต้องปรับตัวให้เข้ากับการทำธุรกิจยุดิจิทัลให้ได้ ซึ่งสำหรับคนี่คิดอยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน ต้องมีกลยุทธ์อย่างไรในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจ วันนี้เราได้รวบรวมเอา กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สำหรับมือใหม่โดยเฉพาะมาฝากกันค่ะ

1. Personal branding

การที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ จุดเริ่มต้นคือ การสร้างแบรนด์ เมื่อแบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนแล้ว ก็จะสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ได้มากขึ้น เพราะในท้องตลาดคุณอาจไม่ใช่แบรนด์เดียวที่ขายสินค้าประเภทนี้ คุณจึงต้องสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองให้ได้

ปัจจัยสำคัญในการสร้างธุรกิจให้เติบโตให้ทศวรรษนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของการวางช่องทางการตลาดที่เรียกว่าช่องทาง Online บางคนเรียกว่า Digital marketing แปลตรงตัวคือการทำการตลาดผ่านช่องทาง/เครื่องมือออนไลน์หรือ Digital Marketing นั้นเอง

สิ่งที่คุณจะต้องเตรียมตัวคือ คุณจะต้องสร้างภาพ ภาพจำประกอบไปด้วยเรื่องของ Branding ซึ่งตรงนี้แนะนำให้ไปศึกษาต่อตามเว็บไซต์ต่างๆก็ได้ หรือ หนังสือที่มีชื่อว่า 60 minutes brand strategist คุณจะเข้าใจส่วนประกอบของแบรนด์มากขึ้น เหมาะสำหรับทั้งนักการตลาด นักวางแผนกลยุทธ์ ผู้บริหาร และผู้ประกอบกรค่ะ ตรงนี้สามารถแตกประเด็นออกมาได้เลยว่าคุณจะต้องเสียเวลาไปกับอะไรบ้าง

การออกแบบ Logo, Brand identity, mood&tone, Brand character, Brand DNA และ Brand Manual อาจจะใช้เวลา 1-2 เดือน สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่ต้องการประหยัดงบ ให้ทำเช็คลิสต์ออกมาว่าแบรนด์ของถ้าเป็นคนมีลักษณะอย่างไร สิ่งที่คุณจะต้องวางแผนถัดมาคือเรื่องของคอนเทนต์แนะนำว่าหากมีงบประมาณให้ทำการหา outsource ผู้เชี่ยวชาญเรื่องคอนเทนต์มาวางแผนและทำการสร้างคอนเทนต์ให้คุณเตรียมไว้ล่วงหน้าสัก30-60 คอนเทนต์ หรือถ้าจะเหมาะแนะนำให้หาประจำสำหรับธุรกิจที่ตั้งใจจะบุกตลาดดิจิตอลแบบจริงจริง หรือหากคุณต้องทำเอง คุณจะต้องลองอยู่กับตัวเองสัก 10 วันและผลิต คอนเทนต์ออกมาซะ วันละ 3 คอนเทนต์

2.Website

หนึ่งในแพลตฟอร์มในการทำการตลาดที่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างยอดขาย เก็บฐานข้อมูลของลูกค้า และเป็นหนึ่งในจุดที่ช่วยเพิ่มการตัดสินใจในการซื้อ ถือว่ามีความสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์

SEO นั้นย่อมาจาก Search Engine Optimization ซึ่งแปลเป็นไทยได้ประมาณว่า การปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับผู้บริการให้การค้นหา เช่น Google โดยเดิมที ผู้ให้บริการด้านการค้นหานั้น มีหลากหลายเจ้า แต่เนื่องจากร้อยละ 90 ของผู้ใช้งานในประเทศไทยนั้นจะใช้ Google เป็นหลัก ดังนั้น เนื้อหาภายในบทความนี้ จะเน้นไปที่การปรับแต่งเว็บไซต์สำหรับ Google เป็นหลักเช่นกัน

หากพูดถึงลักษณะการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing และ Outbound Marketing จะมีความแตกต่างกันดังนี้ การทำการตลาดแบบ Outbound Marketing แปลตรงตัวได้ว่า คือการทำการตลาดแบบผลัก ซึ่ง Social Media นั้น เป็นการทำ Outbound Marketing กล่าวคือ เจ้าของแบรนด์ทำการผลักแคมเปญหรือโฆษณาต่าง ๆ ไปยังผู้บริโภค โดยที่ผู้บริโภคไม่ได้ร้องขอ

แต่เมื่อผู้บริโภคที่ตรงกลุ่มเป้าหมายเห็นแคมเปญนั้น ๆ แล้ว ก็มีโอกาสที่จะสนใจในสินค้าหรือบริการของเจ้าของแบรนด์นั้น ๆ ได้ ส่วนการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing คือการทำการตลาดแบบดึงดูด ซึ่งการทำ SEO บน Google นั้นเป็นการทำ Inbound Marketing กล่าวคือ ผู้บริโภค เป็นคนเข้าหาเจ้าของแบรนด์ โดยมีความสนใจเกี่ยวกับด้านนั้น ๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริโภค ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ พวกเขาจึงพิมพ์คำค้นหาบน Google และ Google ก็ได้แสดงผลการค้นหาหน้าแรกจำนวน 10 เว็บไซต์ และผู้บริโภคที่ค้นหาข้อมูลเหล่านั้น ก็ได้ทำการคลิกลิงค์ไปยังเว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลต่าง ๆ

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สำหรับนักธุรกิจมือใหม่

3. Content marketing

อีกหนึ่งปัจจัยที่จะเสริมให้ภาพลักษณ์แบรนด์ชัดเจนขึ้น “Content marketing” เกิดจากการนำเสนอคอนเท้นต์ในหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวิธีการนำเสนอและกลยุทธ์ของคุณ คอนเท้นต์แต่ละอันก็ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน อาทิ eBooks, บทความ, อีเมล, วิดีโอ ฯลฯ ลองพิจารณาดูว่าคอนเท้นต์แบบไหนที่มีประโยชน์ และมีคุณค่าต่อลูกค้าของแบรนด์ได้มากที่สุด

จากผลการสำรวจเกี่ยวกับสถิติการใช้งาน คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง พบว่าองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 90% ใช้การทำ คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง ในการทำการตลาด เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดลงทุนในการทำ คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง ประมาณ 25% ของงบประมาณการตลาดทั้งหมด

บริษัทแบบ B2B กว่าร้อยละ 91 ใช้ Content Marketing  

บริษัทแบบ B2C กว่าร้อยละ 86 ใช้ Content Marketing

ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตประมาณ 68% ของผู้คน ชอบบริโภคเนื้อหาของแบรนด์ที่พวกเขาติดตามอยู่ และกว่า 80% ของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตนิยมพิจารณา ทำความรู้จัก และตัดสินแบรนด์ใหม่ ๆ หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ผ่านเนื้อหาที่แบรนด์ผลิตขึ้นเอง จากนั้นจะเริ่มไล่ศึกษาหาข้อมูลผ่านเนื้อหาบนสื่ออื่น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ

4. Customer

กระบวนการที่ลูกค้ามาซื้อของจากแบรนด์ของคุณบนโลกออนไลน์นั้น มีความซับซ้อนที่มากขึ้น การตัดสินใจเกิดขึ้นเร็วมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นการศึกษาในเรื่องของพฤติกรรมของผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญ

Customer Personas คือการกำหนดลักษณะของกลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการวิเคราะห์จาก เพศ ลักษณะนิสัย งานที่ทำ พฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งจุดสำคัญที่ทำให้คุณทราบว่า ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการของคุณเป็นคนลักษณะยังไง นอกจากนี้จะทำให้ทุกคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ นักการตลาด พนักงานขาย ได้มีความเข้าใจในการสื่อสารออกไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกัน

Customer Journey = การเดินทางของลูกค้า เมื่อคุณต้องการให้เกิดการซื้อขายในธุรกิจของคุณ ปัจจัยสำคัญคือการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตั้งแต่การกำหนด Customer Personas เพื่อที่จะสื่อสารไปยังลูกค้าที่มีความมุ่งหวังในสินค้าหรือบริการที่สามารถแก้ปัญหาให้กับพวกเขาได้ รวมไปถึงการให้ประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า

ด้วยการวิเคราะห์ Customer Journey หรือ การเดินทางของลูกค้า การเดินทางจะบอกเล่าถึงประสบการณ์ของลูกค้าตั้งแต่การรับรู้ถึงตัวตนของแบรนด์ครั้งแรก สู่กระบวนการซื้อขาย ไปจนกระทั่งเกิดความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ทั้งหมดนี้คือเรื่องของปฏิสัมพันธ์ที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ Customer Journey เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณเข้าใจบริบทของผู้ใช้ ได้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าลูกค้าของเรามาจากไหน และมีความต้องการอะไร แบรนด์จะเกิดความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับลูกค้าของพวกเขา

5. Strategy

การตลาดแบบออฟไลน์ลดราคา วางสินค้าสวยๆ ก็อาจจะขายได้ แต่ออนไลน์นั้นแตกต่างออกไปลดราคา และมีรูปสินค้าที่สวยอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการทำตลาดออนไลน์ ในการทำตลาดออนไลน์นั้นจะประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น การทำคอนเทนต์ การใช้สื่อมีเดียต่างๆ การเก็บฐานข้อมูลของลูกค้า การทำโฆษณา เป็นต้น

Digital Marketing Landscape คือการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของพื้นที่หรือพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดที่เราต้องการ เพื่อที่เราจะได้บุกตลาดนั้นๆเพื่อสร้างธุรกิจขึ้นมา ถ้าเปรียบกับในเรื่องของ Architect ก็เหมือนกับการที่เราจะสร้างบ้านแล้วเราไปสำรวจพื้นที่ก่อนว่า พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ภูเขา พื้นที่ราบ หรือพื้นที่อะไรที่เหมาะสมกับการปลูกบ้านลักษณะไหนถึงจะเหมาะสม      

  สำหรับ Digital Marketing คำว่า Digital Marketing Landscape ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เราจะต้องไปศึกษาก่อนว่าพื้นที่นั้นๆ เหมาะสมกับการใช้เครื่องมือ หรือว่าเลือกใช้ Social Media ประเภทไหนเพื่อที่จะเจาะตลาดเข้าไปได้ง่าย โดยส่วนใหญ่มีคนหลายคนที่อยากบุกตลาดต่างประเทศ และลองเลือกใช้ Facebook ในการทำการตลาด แต่ไม่ได้ผลเพราะเนื่องจาก Facebook เป็นPlatform อันดับหนึ่งของหลายประเทศแต่ไม่ใช่ทุกประเทศ

6. Team

ทีมเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการทำตลาดออนไลน์ เนื่องจากคนหนึ่งคนอาจจะไม่ได้เชี่ยวชาญในทุกๆด้าน การทำงานเป็นทีมจะให้แบรนด์ของคุณเติมโตได้เร็วมากยิ่งขึ้น

กว่า 80% ขององค์กรทั่วโลกกำลังมองหาทีมงานที่มีทักษะ Digital Marketing และกว่า 80% ของธุรกิจในประเทศบ้านเรากำลังประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะทางด้าน Digital Marketing เมื่อมีความต้องการแต่ไม่มีใครตอบสนอง ทำให้บุคลากรที่มีทักษะทางด้าน Digital Marketing นั้นมีค่าตัวที่สูงเป็นพิเศษ และยากที่จะมองหาคนที่จะทำเป็นจริงๆ

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สำหรับนักธุรกิจมือใหม่

7.Interview

บทสัมภาษณ์แกะความคิดของบุคคลที่ผ่านการทำตลาดออนไลน์ ถึงมุมมองและความคิดในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มุมมองด้านการเล่าเรื่อง การทำเสิร์ชมาร์เก็ตติ้ง การสร้างวัฒนธรรมองค์กร การสื่อสารผ่านทางภาพ เป็นต้น

และนี่ก็เป็น กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สำหรับนักธุรกิจมือใหม่ที่เราได้รวบรวมมาฝาก หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่คิดว่าจะเริ่มทำธุรกิจอนไลน์นะคะ

 โลกของเรามีผลงานศิลปะที่สร้างจากศิลปินแขนงต่าง ๆ นับล้านชิ้นทั่วโลก ซึ่งผลงานศิลปะแต่ละชิ้น จะมีคุณค่าและความงดงามในตัวต่างกันออกไป ผลงานศิลปะบางชิ้น อาจจะทำออกมาเพื่อใช้ประดับตกแต่งห้างร้าน หรือบ้านที่อยู่อาศัยเท่านั้น 5 ผลงานศิลปะอันดับโลก ที่ต้องไปชมสักครั้งก่อนตาย

อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : 3 แอพเอนเตอร์เทรนเม้น ที่คอซีรี่ส์ห้ามพลาด